ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ควรวางเงินมัดจำเท่าไหร่

ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ควรวางเงินมัดจำเท่าไหร่

ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ควรวางเงินมัดจำเท่าไหร่

ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ควรวางเงินมัดจำเท่าไหร่ ในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ การใช้บริการจากบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ให้บริการในการซื้อ-ขาย และให้คำปรึกษาด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ยังช่วยให้ผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการดำเนินการซื้อ-ขายโดยมีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่เข้าใจได้อย่างชัดเจน แล้วการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ต้องมีการวางเงินมัดจำเท่าไหร่ มีวิธีการคำนวณอย่างไรบ้าง บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ Forbest properties มีคำตอบค่ะ

การวางเงินมัดจำคืออะไร

การวางเงินมัดจำคืออะไร

เงินมัดจำในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ คือ เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่คู่สัญญาได้ส่งมอบให้ไว้แก่กันเมื่อเข้าทำสัญญา เพื่อเป็นพยานหลักฐานว่าสัญญานั้นได้ทำขึ้นแล้ว และเป็นการประกันการปฏิบัติตามสัญญา (มาตรา 377 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)

เงินมัดจำในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 5-10% ของราคาขาย โดยผู้ซื้อจะเป็นผู้วางเงินมัดจำให้แก่ผู้ขายในวันทำสัญญาจะซื้อจะขาย เงินมัดจำนี้จะถูกนำมาหักออกจากราคาขายเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ ในกรณีที่ผู้ซื้อผิดสัญญา ผู้ขายสามารถยึดเงินมัดจำไว้ได้ แต่ในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญา ผู้ซื้อสามารถเรียกเงินมัดจำคืนได้ และฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายได้

เงินมัดจำในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อาจมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนดจำนวนเงินมัดจำในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่

  • ราคาของอสังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาสูง เงินมัดจำก็มักจะสูงเช่นกัน ตัวอย่างเช่น บ้านราคา 1,000,000 บาท วางมัดจำ 5% ก็เท่ากับ 50,000 บาท บ้านราคา 2,000,000 บาท วางมัดจำ 5% ก็เท่ากับ 100,000 บาท
  • สภาพของอสังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ที่มีสภาพดี เงินมัดจำก็มักจะสูงเช่นกัน ตัวอย่างเช่น บ้านที่สภาพสมบูรณ์ วางมัดจำ 5% ก็เท่ากับ 50,000 บาท บ้านที่มีสภาพชำรุดหรือทรุดโทรม วางมัดจำ 5% ก็เท่ากับ 25,000 บาท
  • ระยะเวลาในการซื้อขาย หากระยะเวลาในการซื้อขายนาน เงินมัดจำก็มักจะสูงเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ตกลงซื้อขายกันภายใน 1 เดือน วางมัดจำ 5% ก็เท่ากับ 50,000 บาท ตกลงซื้อขายกันภายใน 3 เดือน วางมัดจำ 5% ก็เท่ากับ 75,000 บาท
  • ประวัติการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณใกล้เคียง หากประวัติการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในบริเวณใกล้เคียงมีการใช้เงินมัดจำในอัตราที่สูง เงินมัดจำในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังจะตกลงกันก็มักจะสูงเช่นกัน
การคำนวณเงินมัดจำ

การคำนวณเงินมัดจำ

สมมติว่าราคาขายของบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่ 1,000,000 บาท หากผู้ซื้อตกลงวางเงินมัดจำ 5% ของราคาขาย เงินมัดจำก็จะเท่ากับ 50,000 บาท

ข้อควรระวังในการวางเงินมัดจำ

  • เก็บหลักฐานการจ่ายเงินมัดจำ

ผู้ซื้อควรเก็บหลักฐานการจ่ายเงินมัดจำไว้เป็นหลักฐาน เช่น สำเนาใบเสร็จรับเงิน สำเนาเช็คที่จ่ายเงินมัดจำ เป็นต้น หากผู้ซื้อผิดสัญญา ผู้ขายอาจอ้างว่าผู้ซื้อไม่ได้จ่ายเงินมัดจำเลยได้ หากผู้ซื้อไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินมัดจำ ผู้ซื้ออาจเสียเปรียบได้

  • ตรวจสอบผู้ขายให้แน่ใจ

ผู้ซื้อควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ขายมีสิทธิ์ที่จะขายอสังหาริมทรัพย์นั้นจริง หากผู้ขายไม่มีสิทธิ์ที่จะขายอสังหาริมทรัพย์นั้น ผู้ซื้ออาจไม่ได้รับเงินมัดจำคืนได้

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

ผู้ซื้อควรปรึกษาบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ หรือทนายความที่มีความรู้ด้านกฎหมายก่อนทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เข้าใจถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเองและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาในการวางเงินมัดจำ

  • ความน่าเชื่อถือของผู้ขาย หากผู้ขายมีความน่าเชื่อถือสูง ผู้ซื้ออาจวางเงินมัดจำในอัตราที่ต่ำลงได้
  • โอกาสที่สัญญาจะซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จะล้มเหลว หากมีโอกาสที่สัญญาจะซื้อขายอสังหาริมทรัพย์จะล้มเหลวสูง ผู้ซื้ออาจวางเงินมัดจำในอัตราที่สูงขึ้นได้
  • ความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ซื้อ หากผู้ซื้อมีความสามารถในการรับความเสี่ยงสูง ผู้ซื้ออาจวางเงินมัดจำในอัตราที่ต่ำลงได้

โดยปกติแล้วเงินมัดจำในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์มือสองจะอยู่ที่ประมาณ 5-10% ของราคาขาย แต่หากอสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงหรือมีสภาพดี ผู้ซื้ออาจพิจารณาวางเงินมัดจำในอัตราที่สูงขึ้น เช่น 10-15% หรือหากอสังหาริมทรัพย์มีราคาไม่สูงหรือมีสภาพไม่ดี ผู้ซื้ออาจพิจารณาวางเงินมัดจำในอัตราที่ลดลง เช่น 2-5%

การกำหนดจำนวนเงินมัดจำในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ข้างต้น เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ผู้ซื้อควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจวางเงินมัดจำ และควรปรึกษาบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ หรือผู้มีความรู้ด้านกฎหมายก่อนทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ค่ะ

Forbest Properties เราเป็นบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่มีบริการด้านนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้ง บริษัทนายหน้าขายที่ดิน ที่มีบริการขายที่ดินกรุงเทพและทั่วประเทศไทย เพื่อการลงทุน การอยู่อาศัย และเพื่อการพาณิชย์ มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือในกระบวนการซื้อขาย ที่มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 32 ปี หากคุณกำลังมองหาบริการที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินกรุงเทพ หรือบริษัทนายหน้าขายที่ดินกรุงเทพ ไม่ควรพลาดที่จะติดต่อบริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ Forbest Properties

สนใจติดต่อ

02-2874-569

line ID : @forbestproperties

www.forbestproperties.co.th

«
»